บล.ทรีนีตี้ : BWG แนะนำ`ถือ` ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 0.53 บาท

จุดต่ำสุดจะผ่านพ้นไปใน 1H20 เข้าสู่การเติบโตในช่วงครึ่งปีหลัง
• BWG รายงานกำไรใน 1Q20 ที่ 5 แสนบาท (-96% YoY) ลดลงรุนแรงเนื่องจากธุรกิจหลักอย่างธุรกิจกำจัดขยะนั้นอ่อนแอเป็นอย่างมาก
• การเริ่มรับรู้รายได้ดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เพิ่มเป็น 13.5Mw จาก 8Mw ช่วยหนุนให้บริษัทยังมีกำไรเล็กน้อยได้ในไตรมาสนี้
• คาด 2Q20 จะทำได้เพียงทรงตัวเนื่องจากธุรกิจกำจัดขยะยังอ่อนแอ
• ลดคำแนะนำเป็น “ถือ” จาก “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายใหม่ 0.53 บาท 1H20 จะเป็นจุดต่ำสุดของบริษัท ก่อนเข้าสู่ช่วงการเติบโตในครึ่งปีหลัง

กำไรตามคาด
BWG รายงานผลการดำเนินงานประจำ 1Q20 โดยมีรายได้ลดลงเป็น 449 ล้านบาท (-3% YoY, -9% QoQ) และมีกำไรที่ 5 แสนบาท (-96% YoY) โดยมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับงบการเงิน ดังนี้
1. ธุรกิจกำจัดขยะยังคงอ่อนแอตามภาพดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมที่หดตัว 8% YoY ในไตรมาสแรก ทำให้รายได้จากธุรกิจดังกล่าวลดลง 16% YoY เหลือ 312 ล้านบาท
2. รายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าเติบโตได้ถึง 79% YoY เป็น 135 ล้านบาท จากการเริ่มรับรู้รายได้ดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เพิ่มเป็น 13.5Mw จาก 8Mw
3. อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นเป็น 27.1% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ 25.2% เนื่องจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจโรงไฟฟ้า มีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงถึง 51% แต่อย่างไรก็ตาม ธุรกิจกำจัดขยะยังมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงต่อเนื่องตามรายได้
4. D/E ratio ของบริษัทยังคงทรงตัวที่ 1.07 เท่า (ไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรฐานบัญชี TFRS16 อย่างมีนัยสำคัญ) ถึงแม้ว่าบริษัทจะมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานบวกกับเงินสดคงเหลือ น้อยกว่าหนี้สินระยะสั้นที่จะครบกำหนดเล็กน้อย แต่ด้วย D/E ที่ต่ำ กอปรกับธุรกิจของบริษัทที่มั่นคงอย่างโรงไฟฟ้า ทำให้เราเชื่อว่าบริษัทยังสามารถบริหารสภาพคล่องทางการเงินได้อย่างไม่น่ากังวล

คาด 2Q20 กำไรทรงตัว
ถึงแม้ว่า 2Q20 ภาคการผลิตอุตสาหกรรมนั้นจะยิ่งอ่อนแอกว่าไตรมาสแรก (ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือน เม.ย. ลดลง 20% YoY) จากผลกระทบของ COVID-19 ที่ทำให้หลายโรงงานลดกำลังการผลิตลงอย่างมาก (อ้างอิงจากการผลิตรถยนต์ของไทยในเดือน เม.ย. ที่ผลิตได้เพียง 2.5 หมื่นคัน ลดลงถึง 84% YoY ต่ำที่สุดในรอบ 9 ปี) ทำให้เราเชื่อว่าธุรกิจกำจัดขยะของบริษัทจะยังคงทรุดตัวต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตามธุรกิจโรงไฟฟ้าที่จะเริ่มรับรู้รายได้อย่างเต็มที่เป็น 16.5Mw จาก 8Mw ในช่วงเดียวกันของปีก่อนและ 13.5Mw ในไตรมาสก่อน จะเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยพยุงผลการดำเนินงานของบริษัทให้ยังทรงตัวต่อไปได้ ก่อนจะเริ่มฟื้นตัวได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปได้ใน 3Q20 จากภาคอุตสาหกรรมที่เริ่มฟื้นตัว

ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นมาก ลดคำแนะนำเป็น “ถือ” ที่ราคาเป้าหมายใหม่ 0.53 บาท
นับตั้งแต่ที่เราออกบทวิเคราะห์ BWG ครั้งล่าสุด (อ่านบทวิเคราะห์ย้อนหลังได้ที่ BWG วันที่ 7 เม.ย. 20) ราคาหุ้นนั้นได้ปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า 200% แล้ว เราจึงปรับลดคำแนะนำเป็น “ถือ” ที่ราคาเป้าหมายใหม่ 0.53 บาท (อ้างอิงวิธี PBV ที่ 0.56 เท่า เทียบเท่า -1SD) เราเริ่มคลายความกังวลต่อผลการดำเนินงานของบริษัทมากขึ้นว่าจุดต่ำสุดของบริษัทนั้นได้ผ่านไปในปี 2019 แล้ว ถึงแม้ว่า 2Q20 นี้กำไรของบริษัทอาจจะทำได้เพียงทรงตัว แต่บริษัทจะเริ่มเข้าสู่ช่วงกอบโกยรายได้จากโรงไฟฟ้าอย่างเต็มที่ใน 2H20 เราจึงเพิ่ม Premium ให้กับ PBV ของบริษัทจากเดิมที่ -2SD มาเป็น -1SD เราเชื่อว่าบริษัทจะมี Downside risk ของผลการดำเนินงานที่ค่อนข้างจำกัด ในขณะที่ระยะยาวยังจะมีสเถียรภาพมากขึ้นจากธุรกิจโรงไฟฟ้า
ความเสี่ยง : ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวมากกว่าคาด

นักวิเคราะห์ :
นฤดม มุจจลินทร์กูล
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์ : 050890
E-mail: naruedom@trinitythai.com

เรียบเรียง ประน้อม บุญร่วม
อีเมล์. reporter@efinancethai.com

Related Posts