บล.ทรีนีตี้ : BWG แนะนำถือ ราคาเป้าหมายที่ 0.53 บาท

กำไรครึ่งปีแรกสูงกว่าคาดการณ์ทั้งปี 2563 แต่มีความเสี่ยงของความไม่แน่นอนของผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง
• BWG รายงานกำไรไตรมาส 2/2563 ที่ 21 ล้านบาท ฟื้นตัวอย่างมีนัยฯ ทั้ง QoQ และ YoY แม้รายได้ทรงตัว แต่อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นทั้ง QoQ และ YoY
• แนะนำ ถือ คงราคาเป้าหมาย 0.53 บาท ณ ราคาปัจจุบันมี upside จำกัดราว 10% แม้ครึ่งปีหลังจะมีการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าเต็มไตรมาส แต่มีความไม่แน่นอนของการประมาณการธุรกิจกำจัดขยะและธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง รวมถึงส่วนของ Minority Interest และแนวโน้ม Effective Tax Rate ที่อาจเร่งตัวขึ้นใน 2H/2563 โดยฝ่ายวิเคราะห์ฯอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการ ซึ่งจะ Update อีกครั้งหลังประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2563

ประกาศกำไรไตรมาส 2/2563 เพิ่มขึ้นทั้ง QoQ และ YoY
BWG รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 2/2563 มีรายได้เท่ากับ 455 ล้านบาท (+1.2% QOQ, -1.8% YoY) และมีกำไรสุทธิจำนวน 21 ล้านบาท (+124.5% YoY) มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
1. รายได้ธุรกิจกำจัดขยะ (สัดส่วนรายได้ 56%) จำนวน 256 ล้านบาท ลดลง 22.4%YoY จากปริมาณกากอุตสาหกรรมที่รับกำจัดลดลง 2.4%YoY อัตราค่ากำจัดกากอุตสาหกรรมถัวเฉลี่ยต่อต้นทุนลดลง 18.8%YoY
2. รายได้ธุรกิจโรงไฟฟ้า (สัดส่วนรายได้ 39%) จำนวน 176 ล้านบาท เติบโตอย่างมีนัยฯ ถึง 105.3%YoY จากการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าครบทั้ง 3 โรงไฟฟ้าในช่วงไตรมาส 2/2563
3. อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นเป็น 32.8% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ 20.8% เนื่องจากต้นทุนแปรผันของบริการกำจัดกากอุตสาหกรรม เช่น ค่าหลุมฝังกลบตัดจ่าย ค่าเชื้อเพลิง ค่าน้ำมัน ค่าผลประโยชน์ตอบแทนแรงงาน มีอัตราลดลงในอัตราเร่งกว่ารายได้ที่ลดลง

ข้อสังเกต Effective Tax Rate ลดลงเหลือเพียง 0.5% แต่อาจไม่สม่ำเสมอ
ในไตรมาส 2/2563 ระดับ Effective Tax Rate เหลือเพียง 0.5% โดยในไตรมาส 1/2563 อยู่ที่ 21.0% และ ไตรมาส 2/2562 อยู่ที่ 72.6% แสดงให้เห็นว่ามีความไม่สม่ำเสมอของ Effective Tax Rate ในกรอบกว้าง โดยไม่มีการชี้แจงใน MD&A หรือ หมายเหตุประกอบงบการเงิน
และเมื่อสอบถามทางบริษัท ยังไม่ได้รับคำอธิบายที่ชัดเจน ดังนั้น จึงมองว่า ถึงแม้ Effective Tax Rate จะลดลงในไตรมาส 2/2563 อาจลดลงเพียงชั่วคราว ถือเป็น Downside ของประมาณการผลการดำเนินงานงวด 2H/2563 โดยที่ฝ่ายวิเคราะห์ฯยังคงสมมติฐาน Effective Tax Rate ปี 2563 ที่อนุรักษ์นิยมเท่ากับ 17%

สรุปภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน ปี 2563
ผลการดำเนินงวด 1H/2563 มีกำไรสุทธิ 22 ล้านบาท เติบโตอย่างมีนัยฯ ถึง 565.1%YoY ซึ่งสูงกว่าประมาณการทั้งปี 2563 ที่ 7 ล้านบาท อย่างไรก็ตามฝ่ายวิเคราะห์ฯอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการ โดยอาจมีการปรับประมาณการหลังประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2563 (ต่อหน้า 2)
ความเสี่ยง : ความไม่แน่นอนของรายได้ธุรกิจกำจัดขยะและงานก่อสร้าง, Effective Tax Rate ไม่สม่ำเสมอ, ข้อจำกัดในการเข้าถึงข้อมูลบริษัทและบริษัทในเครือ

แนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563 และปี 2564
1. ธุรกิจการกำจัดขยะ: บริษัทมีกลยุทธ์เน้นรับส่วนที่สามารถนำมาทำ Blending RDF และนำกลับมาใช้ใหม่มากขึ้น โดยทางบริษัทมีกลยุทธ์หลายประการเพื่อเพิ่มปริมาณกากอุตสาหกรรม
2. ธุรกิจโรงไฟฟ้า (ETC): จะรับรู้รายได้เต็มไตรมาส เช่นเดียวกับไตรมาส 2/2563 ที่ผ่านมา
3. ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง: มีโครงการฟื้นฟูพื้นที่เหมืองคลิตี้ จ.กาญจนบุรี จะเริ่มเฟสถัดไปในช่วงไตรมาส 4/2563 ซึ่งจะมีมูลค่าโครงการเพิ่มอีก 200 ล้านบาท
4. ทั้งนี้แผนการเติบโตในระยะ 2-3 ปี จะเน้นการเติบโตด้านการนำกลับมาใช้ใหม่ โดยเน้นการผลิต RDF การเพิ่ม MW ของโรงไฟฟ้า ทั้งจากการ M&A และ Bidding PPA รวมถึงการ Recycle และ Recovery น้ำเสีย เพื่อสร้าง Circular Economy

คงคำแนะนำ ถือ ราคาเป้าหมายที่ 0.53 บาท
คงคำแนะนำ ถือ ราคาเป้าหมายปีที่ 0.53 บาท อ้างอิงวิธี PBV ที่ 0.56เท่า เทียบเท่า -1SD ซึ่งเป็นระดับ Conservative ยังไม่มีความน่าสนใจเฉพาะตัวที่โดดเด่น โดยถึงแม้ว่าบริษัทจะมีเสถียรภาพมากขึ้นจากธุรกิจโรงไฟฟ้า (สัดส่วนรายได้ 39%) แต่ธุรกิจกำจัดขยะและธุรกิจก่อสร้างยังมีความไม่แน่นอนของรายได้
ประกอบกับแนวโน้ม Effective Tax Rate ที่อาจปรับตัวสูงขึ้นใน 2H2563 รวมถึงข้อมูลในส่วน Minority Interest ที่มีผลกระทบต่อการประมาณการกำไรสุทธิ โดยฝ่ายวิเคราะห์ฯอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการ ซึ่งจะทำการปรับประมาณการอีกครั้งหลังประกาศงบการเงินไตรมาส 3/2563

นักวิเคราะห์ :
เกษ ตวงทอง
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์ : 045626
kate@trinitythai.com

เรียบเรียง ประน้อม บุญร่วม
อีเมล์. reporter@efinancethai.com

Related Posts